ถังบำบัดน้ำเสียคืออะไร

ถังบำบัดน้ำเสีย

ถังบำบัดน้ำเสียคืออุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียจากครัวเรือนหรือชุมชน โดยใช้จุลินทรีย์เข้ามาช่วยในการย่อยสลายกากตะกอนและควบคุมมวลน้ำให้ไหลผ่านระบบกรอง จนได้น้ำสะอาดที่มีคุณสมบัติตามมาตรฐานก่อนปล่อยสู่สาธารณะ ถังบำบัดน้ำเสียมีหลายรูปแบบและขนาด ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งานและพื้นที่ติดตั้ง ถังบำบัดน้ำเสียที่ดีจะต้องมีความแข็งแรงทนทาน ไม่มีกลิ่นเหม็น และมีการรับประกันและซ่อมบำรุงหลังการขาย


ควรจะทำความสะอาดถังบำบัดน้ำเสียยังไง

การทำความสะอาดถังบำบัดน้ำเสียเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้ระบบบำบัดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันการเกิดกลิ่นเหม็น และเชื้อโรค วิธีทำความสะอาดถังบำบัดน้ำเสียมีดังนี้ :

  • ปิดวาล์วน้ำที่ต่อจากน้ำประปา แล้วเปิดรูระบายน้ำที่ถัง เพื่อระบายน้ำออกจากถังก่อน
  • ใช้แปรงขนหรือฟองน้ำขัดด้านในของถังโดยใช้หรือไม่ใช้น้ำยาทำความสะอาดก็ได้ คุณอาจจะต้องใช้แปรงที่มีด้ามยาวช่วย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับขนาดของถัง
  • ใช้ปืนฉีดน้ำความดันสูง หรือสายยางฉีด ฉีดกำจัดคราบสกปรก ตะไคร่น้ำ และตะกอนต่างๆ ออกให้หมด
  • เติมน้ำกลับให้เต็มถัง

การทำความสะอาดถังบำบัดน้ำเสียควรทำเป็นประจำ เพื่อให้ถังไม่สะสมสิ่งสกปรกและเชื้อโรคได้ ควรทำความสะอาดถังเก็บน้ำกันทุกๆ 6 เดือน หรือตามความจำเป็น


ถังบำบัดน้ำเสียมีกี่แบบ

ถังบำบัดน้ำเสียมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับวิธีการบำบัดน้ำให้สะอาดก่อนปล่อยสู่ท่อทิ้งน้ำสาธารณะ โดยจากผลการค้นหาของฉัน ฉันพบว่ามีประมาณ 3 แบบหลักๆ ได้แก่

  • ถังบำบัดน้ำเสียแบบรวมไร้อากาศ เป็นถังบำบัดที่ใช้จุลินทรีย์ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำเสียโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า เหมาะสำหรับการใช้งานในครัวเรือนที่ไม่มีการปล่อยน้ำเสียเยอะมาก
  • ถังบำบัดน้ำเสียแบบรวมเติมอากาศ เป็นถังบำบัดที่ใช้ปั๊มเติมอากาศเข้าไปในถัง เพื่อช่วยจุลินทรีย์ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อดีคือ การบำบัดน้ำได้สะอาดกว่าและไม่มีกลิ่นเหม็น ข้อเสียคือ ต้องใช้ไฟฟ้าและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
  • ถังบำบัดน้ำเสียแยกประเภท เป็นถังบำบัดที่แยกเกรอะ กรอง และเติมอากาศออกจากกัน เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม ห้างสรรพสินค้า คอนโดขนาดใหญ่ เป็นต้น

 

ถ้าซื้อถังบำบัดน้ำเสีย ต้องการระบุขนาดและปริมาณที่ใช้ไหม

ถ้าคุณต้องการซื้อถังบำบัดน้ำเสีย คุณต้องการระบุขนาดและปริมาณที่ใช้ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ ขนาดของถังบำบัดน้ำเสียจะขึ้นอยู่กับจำนวนผู้อยู่อาศัย ปริมาณน้ำเสียที่ใช้ในแต่ละวัน และเวลาที่ใช้ในการบำบัด

สามารถคำนวณขนาดของถังบำบัดน้ำเสียได้โดยใช้สูตรง่ายๆ ดังนี้

ขนาดถังบำบัดน้ำเสีย (ลิตร) = จำนวนผู้อยู่อาศัย×ปริมาณน้ำเสีย (ร้อยละ 80 ของปริมาณน้ำใช้ต่อวัน)×เวลาที่ใช้บำบัด (เฉลี่ย 2 วัน)

ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีครอบครัว 4 คน และใช้น้ำเฉลี่ย 200 ลิตรต่อคนต่อวัน คุณควรเลือกถังบำบัดน้ำเสียขนาด

4 x (0.8 x 200) x 2 = 1280 ลิตร หรือประมาณ 1200 ลิตร


ผลกระทบของการไม่ใช้ถังบำบัดน้ําเสีย

การไม่ใช้ถังบำบัดน้ำเสียในการกรองสิ่งสกปรกและตะกอนต่างๆ ออกจากน้ำก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำหรือสิ่งแวดล้อม จะมีผลกระทบอย่างรุนแรง ได้แก่

  • ทำให้น้ำในแหล่งน้ำมีสีและกลิ่นที่น่ารังเกียจ ไม่สามารถใช้อุปโภคและบริโภคได้
  • เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตทั้งในน้ำ และในบริเวณใกล้เคียง ทำให้เสียความสมดุลทางธรรมชาติ เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม
  • เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน เพราะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคและเป็นพาหนะนำโรคต่างๆ สู่มนุษย์ สัตว์ และพืช

ดังนั้น การใช้ถังบำบัดน้ำเสียเป็นวิธีการจัดการน้ำเสียจากบ้านเรือนที่ดีและเหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของประชาชน และเป็นส่วนร่วมในการช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมร่วมกัน


ประโยชน์ของถังบำบัดน้ำเสีย

ถังบำบัดน้ำเสียเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์อย่างมากในการจัดการกับน้ำเสียที่เกิดจากการใช้งานในครัวเรือน หรือชุมชน โดยมีหลักการทำงานดังนี้

  • ใช้จุลินทรีย์ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำเสีย โดยบางแบบจะใช้ปั๊มเติมอากาศเพื่อช่วยให้จุลินทรีย์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มีระบบแยกกากตะกอนและสิ่งแปลกปลอมออกจากน้ำเสีย ซึ่งจะถูกแยกออกมาจากน้ำโดยใช้แผ่นกั้น หรือกระบวนการตกตะกอน
  • มีระบบรีไซเคิลน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว ซึ่งสามารถนำไปใช้งานใหม่ได้อีกครั้ง เช่น ใช้ในการทำเกษตร หรือใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม

ประโยชน์ของถังบำบัดน้ำเสียคือ

  • ช่วยลดมลภาวะที่เกิดจากการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำหรือสิ่งแวดล้อมโดยตรง ทำให้ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีสารพิษ ไม่มีเชื้อโรค
  • ช่วยปรับปรุงคุณภาพของแหล่งน้ำ เช่น ลำธาร ห้อง คลอง ทะเล เป็นต้น ทำให้สิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำได้รับผลกระทบต่ำลง
  • ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าปรับ เพื่อไม่ให้ผิดมาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษ
  • ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อและใช้ทรัพยากรของโลก เพื่อไม่ให้อุดตันและขาดแคลน
  • ช่วยสร้างภาพลักษณ์ของธุรกิจ เพื่อไม่ให้อันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค


 

Visitors: 159,729